"โครม!!!"
เสียงดังสนั่นนั้นดังขึ้นด้านหน้ารถของฉัน หลังจากเสียงนั้นดังขึ้น ก็ปรากฏภาพรถยนต์คันหนึ่งปะทะรถจักรยานยนต์ยี่ห้อดัง ที่ตอนนี้กำลังตีลังกาลอยขึ้นเป็นวง แล้วตกลงไปกองอยู่ข้างถนนที่เป็นพื้นหญ้า ด้วยความรุนแรงของการชนอันรวดเร็ว ทำให้ทั้งตัวรถ สิ่งของ และหมวกกันน็อกแตกละเอียดกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง ยิ่งไปกว่านั้น!!! บุคคลสองคนซึ่งเคยนั่งอยู่บนเบาะ ได้ถูกแรงกระเเทกจนกระเด็นไปสลบอยู่บริเวณถนนข้างทาง ทันทีที่เหตุการณ์ตรงหน้าเกิดขึ้น พ่อและฉันได้รีบลงจากรถเพื่อไปดูเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นในเสี้ยววินาทีที่ผ่านมา
‘ช่างรวดเร็วเหลือเกิน’ ฉันคิดในใจ พลางเดินไปตรวจดูร่องรอยของการบาดเจ็บที่เกิดขึ้น และภาพที่ฉันเห็นก็ทำให้ฉันเข่าอ่อนในทันที...
พ่อของฉันมีสติไวกว่า ตะโกนเรียกขอร่มสองคันเพื่อคนสองคนที่ตอนนี้เสียงร้องของพวกเขากำลังดังก้องอยู่ในโสตประสาทของฉัน และมันดังขึ้นเรื่อยๆ จนฉันทำอะไรไม่ถูก
จากนั้นไม่กี่วินาที หญิงสาวและชายคู่หนึ่งได้วิ่งข้ามถนนเพื่อนำร่มมายังจุดที่ฉันยืนอยู่ คงด้วยคราบเลือดที่อยู่ตรงหน้ากระมัง ทำให้พวกเขาไม่กล้าเดินเฉียดเข้ามาใกล้กับผู้โชคร้ายสองคนนั้น ฉันไม่รู้ว่าด้วยอะไรสักอย่าง ที่บอกให้ฉันรีบคว้าร่มคันหนึ่งมากางให้กับเด็กผู้ชายผู้น่าสงสาร และอีกคันตอนนี้ก็อยู่ในมือของชายคนหนึ่งที่เดินผ่านมาดูเหตุการณ์นั่นเอง
“แม่!!! แม่ผมอยู่ไหน แม่ผมเป็นอะไรหรือเปล่า” เขาตะโกนออกมาแม้ว่ายังไม่ลืมตาด้วยซ้ำ
“แม่น้องไม่เป็นไรหรอกจ้ะ เจ็บนิดเดียว พ่อพี่โทรเรียกรถพยาบาลแล้วนะ รอแปปนึงนะ อดทนนะจ๊ะ”
ทันทีที่เขาได้ยินเสียงของฉัน เขารีบลืมตา พร้อมใช้มือควานหาที่ยึดเหนี่ยวสักที่
“พี่ๆๆๆ แม่ผมอยู่ไหน แม่ตายหรือเปล่า ผมพาแม่มาตายใช่ไหม!!!”
สิ้นประโยคสุดท้าย มันช่างกรีดลึกลงไปในใจของฉัน รู้สึกสงสารเขาจับใจ ด้วยความที่ฉันเพิ่งเรียนพยาบาลปีแรกเท่านั้น อีกทั้งยังตกใจกับอุบัติเหตุที่เพิ่งผ่านหน้าไปไม่กี่วินาที จึงไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไปดี ...ฉันจึงตัดสินใจเอื้อมมือไปจับมือที่เปื้อนเลือดจำนวนมากของเขาโดยไม่รั้งรอ พร้อมบีบมือนั้นเบาๆ
“ไม่เลยน้อง ใจเย็นๆ นะ แม่น้องเจ็บนิดเดียว ไม่เป็นไรนะจ๊ะ เดี๋ยวหมอก็มาแล้ว ”
เขาบีบมือของฉันด้วยความหวาดกลัวระคนตกใจ จนฉันรู้สึกว่ามันเจ็บมาก แต่เมื่อได้เห็นใบหน้าของเขาที่แม้ตอนนี้จะเต็มไปด้วยเลือด กระนั้นก็ได้คลายความกังวลลงไปบ้างเล็กน้อย ทำให้ฉันรู้สึกดีใจจนบอกไ ม่ถูก ฉันบีบมือเพื่อให้กำลังใจเขาพร้อมกับถามไปด้วยความเป็นห่วงว่าเขาเจ็บตรงใดหรือเปล่า
“ผมเจ็บแขน แขนผมจะหักไหมพี่ หัวผมจะเลือดคั่งหรือเปล่า ต้องผ่าตัดไหม ...ผมจะเป็นอะไรก็ได้ แต่แม่!!! ...พี่ต้องช่วยแม่ผมนะ อย่าให้แม่ผมเป็นอะไรนะพี่ ”
เขาเริ่มหวาดกลัวขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ฉันก็ได้แต่จับมือ และพูดปลอบเขาเพื่อรอรถพยาบาลที่ดูว่าจะมาช้าเกินกว่าที่ควรจะเป็น มันนานมากในความคิดของฉัน แต่ฉันก็ยังคงปลอบเขาอยู่ ถึงแม้ว่ามันจะนานมาก แต่ก็แปลกที่ฉันปลอบเขาโดยไม่รู้สึกเหนื่อยเลยสักนิดเดียว จนเด็กชายคนนั้นเริ่มมีรอยยิ้มขึ้นมา เมื่อเวลาผ่านไปอีกประมาณสิบนาที รถพยาบาลก็มาถึงสถานที่เกิดเหตุ ทั้งเด็กชายคนนั้น และผู้เป็นแม่จึงได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในทันที
จนรถพยาบาลลับตาไปแล้ว ฉันจึงได้มองดูที่มือของตัวเอง บัดนี้มันเต็มไปด้วยเลือด และรอยแผลเล็กๆ เต็มไปหมด แต่แปลก!!! ทำไมฉันไม่รู้สึกเจ็บเลยล่ะ มันคงเป็นเพราะได้เห็นรอยยิ้มบางๆ ของเด็กชายที่ยิ้มให้ฉันแทนคำขอบคุณก่อนที่ตัวเขาจะถูกนำขึ้นรถพยาบาลนั่นเอง
ฉันมีความสุขมากในวันนี้ แม้ว่าฉันจะไม่เคยมีความคิดว่าตัวเองจะต้องมาเรียนพยาบาลและประกอบอาชีพพยาบาลก็ตาม แต่เหตุการณ์ในวันนี้มันทำให้ฉันมีกำลังใจขึ้นมาก ชีวิตของคนคนหนึ่ง การได้เห็นรอยยิ้มที่เกิดขึ้นหลังจากความกลัวและความเจ็บปวดนั้น ทำให้ฉันคิดว่า ฉันยังสามารถทำอะไรได้มากกว่าการยืนมองอยู่เฉยๆ ...หลังจากวันนี้เป็นต้นไป ฉันจะตั้งใจเรียนอย่างเต็มที่ และได้ตั้งปณิธานไว้ว่า...
“ฉันจะต้องเป็นพยาบาลที่ดีให้ได้!!!”
ขอบใจมากนะน้องชาย...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น